มาสด้า หวังมีส่วนแบ่งตลาดปี้นี้ 6% จากตลาดรวม 6.5-7 แสนคัน แม้เจอพิษโควิด-19 มั่นใจรถกลุ่ม CX ดันยอด พร้อมเร่งปรับปรุงบริการหลังการขยา ผุดบริการ FastTrack 8 แห่งทั่วประเทศ พร้อมปรับราคาอะไหล่ให้แข่งขันได้ จ่อเลื่อนเปิดตัวกระบะ BT-50 จากปลายปีนี้ เป็นช่วงต้นปี 2563
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ยอดขายรถยนต์มาสด้าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ว่า เป็นไปตามสถานการณ์เศรษซกิจโดยรวมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรน่า หรือโควิด-19 โดยเศรษฐกิจรวมของประเทศไทยคาดว่าจะติดลบ 1.8% โดยทั้งปีคาดว่าจะติดลบประมาณ 1.5% ทั้งจากการว่างงานและการหยุดกิจการต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ทางมาสด้ามองว่าเศรษฐกิจรวมของไทยจะฟื้นตัวในแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดรอบ2ของโควิด-19 ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่และรุนแรงระดับใด
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรกโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 3.2 แสนคัน(ไม่นับรวมค่ายรถยุโรป) ลดลงจากปีก่อนประมาณ 38% โดยมาสด้ามียอดขาย 15,408 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 4.8% โดยรถยนต์ในกลุ่ม CX หรือกลุ่มครอสโอเวอร์ เป็นกลุ่มรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นสวนทางกับตลาดรถยนต์โดยรวม และเป็นรถที่มียอดขายมากที่สุดของมาสด้าในปีนี้
โดยยอดขายของรถในกลุ่มนี้ มาสด้า มียอดขายทั้งสิ้น 4,006 คัน เพิ่มขึ้น 46% โดย CX30 มียอดขายสูงสุดที่ 1,873 คัน ตามมาคือ Cx5 จำนวน 851 คัน CX8 จำนวน 723 คัน CX3 จำนวน 559 คันและ CX 8 จำนวน 723 คัน
นายชาญชัย คาดการณ์ตลาดรถยนต์เมืองไทยในปี2562 ว่า น่าจะอยู่ที่ 650,000-700,000 คัน โดยมาสด้าตั้งเป้าการขายในปีนี้ไว้ที่ 40,000-42,000 คัน หรือมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 6% เพิ่มขึ้นจาก 5.5% ของปีที่ผ่านมา และ 4.8% ของส่วนแบ่งตลาดในช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้สาเหตุที่มาสด้ามั่นใจว่า จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในปีนี้ได้ เนื่องจากได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการของผู้บริโภค เช่น มาสด้า cx30 ใหม่ มาสด้า CX3MY2020 ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดเมื่อไม่นานมานี้ โดยได้ปรับลดราคามาสด้า CX3 MY2020 ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นลงเหลือเพียง 7.69 แสนบาทเท่านั้น
และในช่วงหลังจากนี้ มาสด้า จะเดินหน้าปรับปรุงและพัฒนาบริการหลังการขายให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงโควิด-19 จำนวนการเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการมาสด้า ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ทำให้มาสด้าต้องเร่งพัฒนาบริการหลังการขายให้ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนศูนย์บริการขนาด XL อีก 5 แห่ง คือที่รัชโยธิน วังน้อย พระปะแดง กาฬสินธิ์ และชลบุรี แผนการเพิ่มจำนวนศูนย์ซ่อมสีจาก 41 แห่งเป็น 52 แห่งทั่วประเทศ
รวมถึงการเปิดบริการ FastTrack ซึ่งเป็นบริการในแบบ QuickService สำหรับลูกค้าที่นำรถมารับบริการตามระยะทาง โดยจะใช้เวลาเพียง 60 นาที นับจากนำรถเข้าสู่ศูนย์บริการ โดยในปีนี้จะมีศูนย์ FastTrack ทั้งหมด 8 แห่งในกรุงเทพ โดยบริการดังกล่าวจะถูกติดตั้งในศูนย์บริการที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อลดความแออัดของลูกค้าที่มาใช้บริการ
“ศูนย์ FastTrack จะเข้ามาช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอคิวนานเกินไป โดยบริการ FastTrack นี้จะเริ่มจากศูนย์ฯที่มีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมาก” นายชาญชัย กล่าว นอกจากบริการ FastTrack ที่เป็นบริการใหม่แล้ว มาสด้ายังมีแผนจะเปิดศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง เพิ่มจาก 41 แห่ง เป็น 51 แห่งภายในปีนี้ อีกด้วย
นอกจากการเปิดบริการ FastTrack และเพิ่มศูนย์ซ่อมสีและตัวถังแล้ว ทางมาสด้ายังให้ความสำคัญกับเรื่องของ ราคาอะไหล่ ที่ต้องสามารถแข่งขันในตลาดได้อีกด้วย โดยมาสด้า ได้นำราคาอะไหล่ทั้งหมดของมาสด้า มาเปรียบเทียบกับราคาอะไหล่ของคู่แข่ง ซึ่งทางมาสด้ายืนยันว่าราคาอะไหล่ของ มาสด้า ไม่ได้มีราคาสูงกว่าคู่แข่งแต่อย่างใด โดยอะไหล่บางรายการยังมีราคาต่ำกว่าคู่แข่งอีกด้วย
สำหรับความคืบหน้าการเปิดตัว All New Mazda BT50 นั้น นายชาญชัย กล่าวว่าในขณะนี้ ยังไม่มีความขัดเจนในเรื่องของเวลาในการเปิดตัว All New Mazda BT50 ที่เดิมมีกำหนดจะเปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวในช่วงปลายปีนี้ แต่จากการแพร่ระบาดขชองไวรัสโควิด-19 ทำให้แผนการเปิดตัว All New Mazda BT50 ในประเทศไทยต้องเลื่อนออกไปเป็นในช่วงต้นปี 2563 อย่างไรก็ตามก็ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดที่ชัดเจนในเรื่องนี้ได้ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
